ข้อควรพิจารณาในการจัดการให้อาหารโคนม
ข้อควรพิจารณาในการจัดการให้อาหารโคนม
ข้อควรพิจารณาในการจัดการให้อาหารโคนม
การเลี้ยงโคนมให้ประสบผลสำเร็จเป็นเรื่องที่ผู้เลี้ยงต้องเอาใจใส่ดูแลโคของตนอย่างใกล้ชิด ผู้เลี้ยงจำเป็นต้องมีความรู้ความชำนาญค่อนข้างมากเกี่ยวกับการจัดการ การให้อาหารโคนม เพื่อจะให้สามารถปรับเปลี่ยนวิธีการให้อาหารตามสภาวะของอาหารและความต้องการของโคที่มีในขณะนั้น โดยที่โคนมยังให้ผลผลิตได้เต็มที่ อาหารจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จของการเลี้ยงโคนม ผู้เลี้ยงโคนมมักจะพบปัญหาเกี่ยวกับการขาดแคลนอาหารสัตว์ ขาดความรู้ในการให้อาหารโคนม ทำให้โคนมให้ผลผลิตต่ำ และเกิดปัญหาหลายอย่างตามมาเกี่ยวกับสุขภาพโคเช่น การเป็นสัดล่าช้า การผสมไม่ติด ปัญหาลูกโคแคระแกรน เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้ลดลง ดังนั้น ข้อที่ควรพิจารณาในการจัดการและการให้อาหารโคนมดังนี้
1. การจัดการฟาร์มโคนม
2. การให้อาหารโคนม
การจัดการฟาร์มโคนม
ในการบริหารผู้จัดการกิจการใด ๆ ต้องเข้าใจถึงกระบวนการหรือขั้นตอนของกิจการนั้นเป็นอย่างดี อย่ามุ่งแต่ประหยัดหรือทำกำไรให้มาก ๆ ไม่แน่ว่ากิจการนั้น ๆ จะสำเร็จเสมอไป ผลที่ตามมาส่วนมากมักจะล้มเหลวมากกว่า ทำนองเดียวกับการเลี้ยงโคนม ถ้ามุ่งแต่จะเพิ่มผลผลิตโดยการลดต้นทุนค่าอาหารให้ต่ำที่สุด ไม่คำนึงถึงตัวสัตว์และผลที่ตามมาจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี เช่น การลดต้นทุนอาหารข้น หรือซื้ออาหารข้นราคาถูกมาเลี้ยงโดยไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพทางโภชนะของอาหาร ความต้องการอาหารของโคนมและคุณภาพของอาหารหยาบแล้ว โคนมที่ปรับปรุงพันธุ์มาดีให้นมสูง ๆ ก็จะให้นมต่ำลงไม่ได้เท่าพันธุกรรม แม่โคจะซูบผอม ผลตามมาคือ โคเป็นสัดช้าและผสมติดยาก โคอาจจะตายได้จากสภาพผสมผสานของความเสียหายจากระบบการย่อยอาหารผิดปกติและสภาวะการขาดสารอาหาร สิ่งที่ผู้จัดการควรทำความเข้าใจเบื้องต้น คือ
1. ตัวโค อย่างน้อยก็ต้องรู้ว่าโคที่เลี้ยงอยู่นั้นให้นมโดยเฉลี่ยวันละเท่าไร น้ำนมที่แม่โคผลิตออกมาทุกหยดมาจากไหนแน่นอนต้องมาจากอาหาร โดยมีเต้านมทำหน้าที่เป็นโรงงานเปลี่ยนอาหารหรือโภชนะที่ถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือดให้เป็นน้ำนม ฉะนั้นถ้าแม่โคมีพันธุกรรมให้นมได้สูง ความต้องการอาหาร เช่น โปรตีน พลังงาน แร่ธาตุ และวิตามินต่าง ๆ ย่อมมีความต้องการสูงตามไปด้วย ถ้าโคได้รับโภชนะในแต่ละวันไม่พอกับความต้องการของเต้านมในการผลิตน้ำนม โคจะดึงอาหารที่สะสมไว้ในร่างกายโดยเฉพาะไขมันออกมาช่วยในการสร้างนม โคก็จะผอมลงหลังคลอด นั่นคือสัญญาณบ่งชี้ว่า โคได้รับโภชนะในแต่ละวันไม่พอ ถ้าเหตุการณ์ดำเนินติดต่อไปเรื่อย ๆ ผลที่เกิดขึ้น คือ การให้นมของโคตัวนั้นจะให้นมน้อยลงกว่าความสามารถที่จะให้ โคจะผอมมาก ๆ ขึ้น เป็นสัตว์หลังคลอดจะเกิดช้า หรือไม่เกิด และถ้าเกิดอาจผสมติดยาก
2. กำหนดแผนการให้อาหารตลอดทั้งปี คือการควบคุมวัตถุดิบอาหารสัตว์ต้องมีปริมาณและคุณภาพให้สม่ำเสมอโดยตลอดทั้งปี และจำเป็นต้องควบคุมให้ดำเนินไปด้วยดีสม่ำเสมอ ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่งจะเกิดผลเสียตามมาทันที ส่งผลให้โคหมดสภาพและเป็นการยากที่จะแก้ไข ตรงนี้ถ้าผู้จัดการมีความรู้ด้านอาหารสัตว์สามารถผสมผสานปรับเปลี่ยนวิธีการให้อาหารก็จะสามารถแก้ปัญหาไปได้ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมาก
3. การพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์โคนมต้องมีการคัดทิ้งโคที่ให้นมน้อย เปลี่ยน หรือหาซื้อโคที่ให้นมดีมาเข้าฝูง เลี้ยงโคที่ให้นมมากน้อยตัว จะดีกว่าการเลี้ยงแม่โคที่ให้นมน้อยไว้หลาย ๆ ตัว ซึ่งจะไม่สามารถจัดการฟาร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิตได้เลย
4. ปัจจัยภายนอก เช่น โรคพยาธิ โรคเต้านมอักเสบ ต้องรีบแก้ไขทันทีที่พบ อย่าปล่อยทิ้งไว้จะทำให้สูญเสียมากขึ้น
ถ้าผู้จัดการหรือผู้เลี้ยงโคได้เข้าใจพื้นฐานตรงนี้ก็จะสามารถจัดการให้ระบบต่างๆ ดำเนินไปด้วยดีและผู้เลี้ยงต้องไม่ลืมว่าประสิทธิภาพการเปลี่ยนอาหารเป็นน้ำนมของโคแต่ละตัว จะมีความสัมพันธ์กับผลผลิตน้ำนมที่ให้เสมอ ถ้าโคให้นม/วันมากขึ้น ต้นทุนค่าอาหารต่อหน่วยของน้ำนมก็จะยิ่งถูกลงเช่นกัน
การให้อาหารโคนม
ในการให้อาหารโคนม ผู้เลี้ยงต้องเข้าใจถึงความต้องการอาหารของโคนมเสียก่อน โคนมต้องการอาหารไปใช้ประโยชน์อะไรบ้าง นอกจากการให้นม ความต้องการโภชนะของโคนมสามารถจะแบ่งออกได้ตามหน้าที่ที่ใช้ประโยชน์ในร่างกาย คือ ใช้โภชนะเพื่อการดำรงชีพ ใช้โภชนะเพื่อการเจริญเติบโต ใช้โภชนะเพื่อการสืบพันธุ์ ใช้โภชนะเพื่อการเคลื่อนไหว โภชนะต่าง ๆ ที่โคต้องการได้มาจากอาหารโคนม แบ่งออกได้ เป็น 2 ชนิด คือ
1. อาหารหยาบ มีเยื่อใยสูง คุณค่าทางอาหารของอาหารจะเปลี่ยนแปรไปตามฤดูกาล สภาพดิน และชนิดของอาหารหยาบนั้น แต่โดยทั่วไปคุณค่าทางอาหารจะค่อนข้างต่ำผู้เลี้ยงต้องตระหนักในเรื่องนี้ตลอดเวลา โดยเฉพาะโคนมที่กำลังให้นม ถ้าได้กินอาหารหยาบไม่พอจะทำให้ปริมาณกรดอะซิติคที่ผลิตได้ต่ำและมีผลทำให้ไขมันในน้ำนมลดต่ำไปด้วย เพื่อทำให้ขบวนการย่อยอาหารและการผลิตไขมันในน้ำนมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาหารหยาบที่ให้ไม่ควรจะต่ำกว่า 1-1.5% ของน้ำหนักตัว หรือมี ADF ไม่ต่ำกว่า 19-21% หรือ CF ไม่ต่ำกว่า 18%
คุณภาพของอาหารหยาบเป็นเรื่องสำคัญ
หลักในการให้อาหารที่ดีแก่แม่โค คือให้มันได้รับอาหารหยาบที่มีคุณภาพดีที่สุด เพราะธรรมชาติของแม่โคเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องเกิดมาเพื่อกินหญ้า พืชอาหารสัตว์โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามแม่โคที่ให้นมตามปกติถึงจะให้มันกินอาหารหญ้าอย่างดีเต็มที่ ก็นับว่ายังไม่พอ ควรจะต้องเสริมอาหารข้นให้มันกินบ้างยิ่งในแม่โคที่ให้นมมาก ๆ ถึงแม้จะให้หญ้าดีและมีอาหารข้นให้กินเต็มที่ บางทีก็ยังไม่พอโดยเฉพาะในช่วงต้นของการให้นม ซึ่งจะทำให้น้ำหนักตัวลดลง ดังนั้นการเสริมอาหารข้นให้มันกินจะต้องพิจารณาถึงระดับการผลิตและสุขภาพของร่างกายของมันด้วย
หญ้าที่จะตัดให้กิน หรือจะปล่อยให้สัตว์ลงแทะเล็มควรจะอยู่ในระยะที่มันกำลังเจริญงอกงามเต็มที่แต่ยังไม่ถึงระยะแก่ เพราะว่า หญ้าหรือพืชอาหารสัตว์ที่ยังไม่แก่จะให้ประโยชน์หลายประการกล่าวคือ
1. มีส่วนประกอบของโปรตีนและพลังงานสูงกว่า
2. สัตว์ชอบกินและกินได้มากกว่า
3. สามารถย่อยได้ง่ายและมีการย่อยได้สูง
4. เป็นช่วงที่ให้ผลผลิตที่เป็นประโยชน์ต่อสัตว์สูงที่สุด
5. ช่วยนำไปใช้สร้างน้ำนมได้อย่างมากและเป็นการช่วยลดอัตราการเสริมอาหารข้นลง
6. ช่วยลดต้นทุนในการผลิตและเพิ่มกำไร
เมื่อคุณภาพของหญ้าหรือพืชอาหารสัตว์ที่แม่โคได้รับมีคุณภาพต่ำลง ก็จะทำให้แม่โคกินน้อยลง การย่อยได้ของพืชน้อยลง โภชนะที่แม่โคจะได้รับก็จะยิ่งน้อยลงไป การให้นมก็จะลดลง
2. อาหารข้น เป็นอาหารที่มีความเข้มข้นของโภชนะสูง อาจแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
2.1 อาหารพลังงาน จะให้พลังงานสูง เช่น ปลายข้าว ข้าวโพด มันเส้น รำ เป็นต้น
2.2 อาหารโปรตีน จะให้โปรตีนสูง เช่น กากถั่วเหลือง ปลาป่น ใบกระถิน ใบมันสำปะหลังแห้ง กากฝ้าย เป็นต้น
อาหารข้นมีความสำคัญต่อโคมาก เช่นเดียวกับอาหารหยาบเพราะโคกินอาหารหยาบอย่างเดียวจะโตช้าให้นมน้อย ต้องเสริมด้วยอาหารข้น การใช้อาหารข้นเสริมต้องคำนึงถึงคุณค่าของอาหารหยาบ ปริมาณการใช้อาหารข้นตามสภาพร่างกาย น้ำหนักและปริมาณการให้ผลผลิต โดยผู้ให้ต้องสังเกตถึงระดับอาหารที่ให้กับปริมาณการตอบสนองของการให้นม พื้นฐานในการพิจารณาการให้อาหารต้องดูที่ผลตอบแทนแต่ก็อาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละแห่งและแต่ละสถานการณ์ ซึ่งผู้เลี้ยงต้องปรับให้เหมาะกับสถานการณ์ของแต่ละแห่ง
คำแนะนำในการให้อาหารโคนมในฤดูกาลต่าง ๆ
เกษตรกรควรดูรอบ ๆ ตัวเอง รอบ ๆ บ้าน รอบ ๆ สวน ว่าเรามีอาหารอะไรบ้างจะให้โคกินได้ อาหารต่าง ๆ ที่มีอยู่รอบ ๆ บ้านนั้น จะเป็นแหล่งอาหารที่มีความสำคัญมาก และควรหันมาใช้อาหารที่มีอยู่ให้มากยิ่งขึ้น ทั้งหญ้าและผลพลอยได้จากการเกษตร โดยมีรูปแบบการให้อาหารโคนมดังนี้
หน้าฝน
อาหารหยาบ ใช้หญ้าในแปลงที่ปลูกไว้ หญ้าสวนครัว หญ้าพื้นเมือง
อาหารข้น ตามความเหมาะสม
หน้าแล้ง
อาหารหยาบ หญ้าที่พอหาได้แต่ถ้าขาดใช้ฟางหมักยูเรีย หรือวัสดุเหลือใช้และผลพลอยได้ทางการเกษตรและอุตสาหกรรมที่เหมาะสม
อาหารข้น ตามความเหมาะสม
หลักการให้อาหารแก่โคระยะให้นม
โดยทั่วไปเกษตรกรให้หญ้าและเสริมอาหารข้นอย่างพอเพียง จะทำให้โคสามารถผลิตน้ำนมได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามต้องคำนึงถึงผลตอบแทนด้วย ขอเสนอหลักการให้อาหารโคระยะให้นมโดยดูระดับการให้นมของแม่โค ดังนี้
ช่วงที่ 1 3 เดือนแรกของการให้นม (โคให้นมมาก) ปริมาณน้ำนมที่ผลิตได้ต่อวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดสูงสุด เมื่อประมาณ 1.5-2 เดือน การให้อาหารข้นควรให้โดยเพิ่มขึ้นทุกวันในอัตราที่เพิ่ม ¾-1 กก./วัน จนกระทั่งให้ได้สูงสุดไม่เกิน 10-12 กก./วัน ควรแบ่งให้กิน 2-3 เวลา
ช่วงที่ 2 เป็นช่วงกลาง 4-5 เดือนของการให้นม โคจะให้นมลดลงการให้อาหารข้นควรปรับให้สัมพันธ์กับระดับการให้นม โดยพิจารณาเป็นรายตัว หรือจัดกลุ่มตามความสามารถในการผลิตนม ต้องมีการคำนวณอาหารหยาบที่จะให้กอ่นแล้วจึงคำนวณหาโภชนะที่ขาดจากอาหารข้น การกำหนดปริมาณอาหารข้นแต่ละวันควรปรับทุก ๆ เดือน
การให้อาหารโคนม ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ควรต้องคำนึงถึง
1. ปริมาณการกินได้ที่แท้จริงของโค
2. ชนิดและคุณภาพของโปรตีนในอาหารที่ให้
3. ชนิดและคุณภาพ ของคาร์โบไฮเดรตที่โคกินได้
4. ให้แร่ธาตุและวิตามินแก่โคตามความเหมาะของพื้นที่และวัตถุประสงค์
5. พิจารณาการให้สารเสริมในโคที่ให้ผลผลิตสูง ๆ
ผู้เลี้ยงโคนมต้องไม่ยึดถือการให้อาหารเป็นกฎเกณฑ์ตายตัว ควรปรับการให้อาหารให้เหมาะสมตามสภาวะของการให้ผลผลิต สภาพของโค และอาหารสัตว์ในท้องถิ่น และการเปลี่ยนชนิดของการให้อาหารในโคนมโดยเฉพาะแม่โคนมบ่อยไม่เป็นผลดี
ช่วงที่ 3 1.5-2 เดือนสุดท้ายของการให้นม ช่วงนี้นมจะลดลงมากถ้าร่างกายสภาพสมบูรณ์ดี การให้อาหารดีและมากเกินความต้องการจะเป็นผลเสีย โคจะอ้วนและสิ้นเปลือง อาจจะลดอาหารข้นหรือหยุดให้กินให้แต่อาหารหยาบอย่างดีให้กินก็อาจจะพอเพียง
ช่วงที่ 4 ช่วงแห้งนม 2 เดือน แม่โคควรจะได้มีระยะพักประมาณ 2 เดือน ระหว่างนี้โคจะรักษาสภาพของร่างกายให้สมบูรณ์แต่ไม่อ้วน อาหารหยาบที่ให้อาจมีคุณภาพต่ำลงมาหน่อย และเสริมด้วยอาหารข้นในปริมาณแค่พอสำหรับดำรงสภาพของร่างกายให้สมบูรณ์ตามปกติเท่านั้นก็พอ ถ้าโคอ้วนมากมักจะมีประสิทธิภาพในการสืบพันธ์ไม่ดี และทำให้คลอดยาก แต่ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนคลอด ต้องให้อาหารข้นเพิ่มวันละ½ กก. หรือไม่เกิน 1-1.5 กก./100 กก. ของน้ำหนักตัว เพื่อจะให้โคปรับระบบทางเดินอาหารให้คุ้นเคยกับการจะได้รับอาหารข้น ซึ่งโคต้องการมากขึ้นเมื่อคลอดและเริ่มให้นม จะทำให้โคให้นมเต็มที่ตามขีดความสามารถของมัน
รูปที่ 1 แสดงการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำนมที่ผลิตได้ ระดับอาหารที่กิน น้ำหนักของแม่โคและลูกในท้องตลอดรอบของการให้นมและการตั้งท้อง
คุณค่าทางโภชนะของอาหารหยาบบางชนิด (% ของวัตถุแห้ง)
วัสดุอาหาร |
วัตถุแห้ง |
โปรตีน |
พลังงาน (TDN) |
เยื่อใยหยาบ (CF) |
เยื่อใย ADF |
หญ้าขน |
26.0 |
11.8 |
56.0 |
31.6 |
- |
หญ้าเนเปียร์ |
22.0 |
9.5 |
55.0 |
30.8 |
- |
หญ้ากินนี |
38.2 |
9.3 |
52.0 |
32.7 |
44.1 |
หญ้าซิกแนล |
36.3 |
9.5 |
- |
- |
40.1 |
หญ้ารูซี่ |
35.0 |
5.1 |
- |
- |
42.1 |
ถั่วชิราโต |
32.0 |
15.2 |
- |
- |
55.2 |
ถั่วฮามาต้า |
41.6 |
16.3 |
- |
- |
52.7 |
เปลือกและไหมข้าวโพดฝักอ่อน |
18.0 |
12.6 |
69.9 |
21.0 |
27.3 |
ต้นข้าวโพด |
22.8 |
9.1 |
60.3 |
30.4 |
38.2 |
ยอดอ้อย |
31.0 |
6.4 |
52.0 |
33.9 |
- |
ฟางแห้ง |
90.0 |
3.8 |
47.0 |
32.8 |
50.8 |
ฟางหมักยูเรีย 5% |
55.0 |
6.1 |
55.0 |
- |
52.5 |
ซังข้าวโพด |
90.5 |
1.7 |
48.0 |
- |
49.7 |
ดัดแปลงจาก : ฉลอง (2530), Dearl (1982), Wanapat and Topark – Ngarm (1985) Wanapat (1987)
ตัวอย่างสูตรอาหารโคกำลังรีดนม (น้ำหนักสด)
วัสดุอาหาร |
สูตรอาหาร |
|||||
|
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
มันเส้น |
43.6 |
42.1 |
38.4 |
28.4 |
13.6 |
- |
ข้าวโพดป่น* |
- |
- |
15.5 |
28.7 |
48.9 |
61.5 |
รำอ่อน |
- |
- |
- |
14.7 |
14.6 |
14.7 |
ปลายข้าว |
14.9 |
15.0 |
12.8 |
- |
- |
- |
กากถั่วเหลือง** |
- |
- |
30.6 |
25.4 |
20.1 |
- |
ใบมันแห้ง |
- |
40.1 |
- |
- |
- |
- |
ใบกระถิน |
38.8 |
- |
- |
- |
- |
22.0 |
ยูเรีย |
0.9 |
0.9 |
0.9 |
0.9 |
0.9 |
0.9 |
กำมะถัน |
0.04 |
0.04 |
0.04 |
0.04 |
0.04 |
0.04 |
ไดแคลเซียมฟอสเฟต |
0.9 |
0.9 |
0.9 |
0.9 |
0.9 |
0.9 |
เกลือ |
0.9 |
0.9 |
0.9 |
0.9 |
0.9 |
0.9 |
รวม |
100.0 |
100.0 |
100.0 |
100.0 |
100.0 |
100.0 |
โปรตีน, % |
16.0 |
15.0 |
20.0 |
19.0 |
18.0 |
17.0 |
พลังงาน, %TDN |
77.6 |
68.4 |
80.0 |
78.7 |
78.8 |
76.7 |
* สามารถใช้ข้าวฟ่างทดแทนได้ทั้งหมด
* สามารถใช้กากเมล็ดฝ้ายหรือกากถั่วเหลือง ทดแทนได้ 50 % ของกากถั่วเหลืองในสูตรอาหารข้น
Last Updated on Thursday, 24 December 2009 09:28
-
การตรวจสุขภาพโคนมประจำปีโครีดนมทุกตัวจะต้องรับการตรวจวัณโรคและโรคบรูเซลโลซิส (แท้งติดต่อ) ทุกปี เพราะทั้งสองโรคนี้ติดต่อถึงคนได้ทางน้ำนม เกษตรกรที่ได้รับการนัดตรวจโรคจะต้องกักโคไว้...
-
วัคซีน คือสารที่ใช้กระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิต้านทานโรค ช่วยป้องกันโรคซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงตายหรือเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจขึ้นได้ วัคซีนโคที่สำคัญ ได้แก่ วัคซีนบรูเซลโลซีส, วัคซี...
-
ประเภทของเวชภัณฑ์เวชภัณฑ์สำหรับโคนม ได้แก่ 1. ยาปฏิชีวนะ มีฤทธิ์ต่อต้านและทำลายจุลินทรีย์ ยาในกลุ่มนี้ถูกนำมาใช้กันอย่างกว้างขวาง ได้แก่ เพนนิซิลลิน คลอแรมฟินิคอล ออกซี่เตตร้าไซคลิ...
-
ตู้ยาประจำคอกโคนมโคนมเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างเปราะ เพราะต้องสูญเสียสิ่งที่มีคุณค่าไปกับน้ำนมทุกวัน เกษตรกรจึงควรดูแลเอาใจใส่สุขภาพของโคนมอย่างใกล้ชิดและเมื่อเกิดปัญหาขึ้นควรรีบแก้ไข ซึ...
-
การใช้ปรอทวัดไข้ปรอทวัดไข้เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรคอย่างหนึ่ง ซึ่งเกษตรกรสามารถหาและใช้ได้ ปรอทประกอบด้วยหลอดแก้ว 2 ชั้นรวมกันอยู่ ชั้นในบรรจุสารปรอทซึ่งมีคุณสมบัติขยาย...
-
เรื่องโรคในโคนมโรค คือ การเปลี่ยนแปลงของร่างกายสัตว์ไปจากปกติ เป็นผลให้เกิดอันตรายต่อตัวสัตว์ การเปลี่ยนแปลงนี้หมายถึงการเปลี่ยนแปลงทา งอวัยวะและหน้าที่ของอวัยวะด้วย เช่น พยาธิใบไม...
-
การเก็บอุจจาระเพื่อส่งตรวจการวินิจฉัยโรคพยาธิเบื้องต้นที่นิยมกันทั่วไป และได้ผลดี คือ การตรวจหาไข่พยาธิจากอุจจาระโคที่เก็บส่งห้องปฏิบัติการอย่างถูกวิธี คือ 1. ล้วงเก็บอุจจาระจากทวา...
-
การให้ยาโคนมเกษตรกรสามารถให้ยาแก่โคของตนเองได้ โดยมีหลักการดังนี้ 1. อยู่ภายใต้การควบคุมของสัตวแพทย์ 2. ให้ยาในขนาดที่ถูกต้องและครบจำนวนไม่หกหล่นในระหว่างการให้ 3. ให้ยาถูกทาง เช่น...